เชื่อว่าผู้นำเข้าหลายคนคงเคยสงสัยว่าภาษีนำเข้าเท่าไหร่ คิดจากอะไร คิดยังไง วันนี้เราจะสอนวิธีการคำนวณภาษีนำเข้ากันค่ะ
โดยทั่วไปแล้วก่อนที่ผู้นำเข้าสินค้า จะนำเข้ามานั้น ก็คงต้องอยากทราบโดยคร่าวๆ ก่อนว่าภาษีนำเข้า หรือ อากรขาเข้าที่ต้องชำระประมาณเท่าไร เพื่อนำไปคำนวณต้นทุนในการนำเข้าสินค้าหรือประกอบการตั้งราคาสินค้าเพื่อขาย ซึ่งก่อนที่เราจะคำนวณภาษีนำเข้าได้นั้นต้องทราบก่อนว่าสินค้าเรา เสียภาษีนำเข้ากี่ % การที่เราจะทราบได้ว่าเสียภาษีนำเข้ากี่ % เราก็ต้องรู้ก่อนว่า พิกัดสินค้าเรา หรือ เลข HS Code ของสินค้าเราคือเลขอะไร หลังจากที่เราทราบทุกอย่างแล้ว กรมศุลกากรมีวิธีการคิดภาษีนำเข้าโดยใช้ราคา CIF (Cost Insurance and Freight) ราคา CIF มาจากไหน ก็มาจาก 3 ค่านี้บวกกัน คือ C+I+F Cost = มูลค่าของสินค้าที่นำเข้ามา ( C ) Insurance = ประกันภัยสินค้า ( I ) Freight = ค่าขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ( F ) ซึ่งวิธีคำนวณภาษีนำเข้าอาจจะดูเหมือนคำนวณง่ายๆ แต่จริงๆแล้ว แฝงไปด้วยความซับซ้อน ดังนั้นเรามาดูกันว่าคำนวณยังไง วิธีคำนวณภาษีนำเข้า ดังนี้ สมมติถ้าผู้นำเข้าต้องการนำเข้ารถแทรกเตอร์จากต่างประเทศ พิกัดสินค้า หรือ HS CODE คือ 8701.1091 อัตราภาษีนำเข้า 5% ถ้าราคารถแทรกเตอร์ 800,000 บาท คำนวณ ราคา CIF C = มูลค่าสินค้า = 800,000 บาท I = ประกันภัย = 1% (*ในกรณีที่ไม่ได้ทำประกัน ) = 8,000 บาท F = ค่าขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ = 50,000 บาท (มูลค่าสินค้า + ประกันภัย + ค่าขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ) = ราคา CIF (800,000+8,000+50,000) = 858,000 ราคา CIF ของรถแทรกเตอร์ = 858,000 บาท (ราคา CIF x อัตราภาษีนำเข้า) = ภาษีนำเข้า 858,000 x 5% = 42,900 บาท ภาษีนำเข้า = 42,900 บาท หลังจากนั้น เอา ราคา CIF + อัตราภาษีนำเข้า ไปคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 7% (ภาษี + ราคา CIF) x อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม = ภาษีมูลค่าเพิ่ม (42,900+858,000) x 7% = 63,063 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม = 63,063 บาท ภาษีนำเข้า + ภาษีมูลค่าเพิ่ม = ค่าภาษีทั้งหมดที่ต้องชำระ 42,900 + 63,063 = 105,963 บาท ดังนั้นรถแทรกเตอร์จะมีภาษีทั้งหมดที่ต้องชำระ = 105,963 บาท เป็นยังไงบ้างกับการคำนวณภาษีนำเข้า เชื่อว่าถ้าทุกคนคำนวณตามขั้นตอนนี้ คำนวณภาษีนำเข้าเองเป็นได้แน่นอน ไม่ต้องสงสัยแล้วภาษีนำเข้าเท่าไหร่ **เกร็ดความรู้**: ประกันภัยสินค้า (Insurance) เราสามารถทำได้กับบริษัทประกันภัย โดยค่าเบี้ยประกันจะขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าและมูลค่าของสินค้านั้นๆ *ถ้าไม่ทำจะคิดที่ 1 % ของมูลค่าสินค้าและไม่สามารถเคลมได้เมื่อสินค้าเกิดความเสียหาย) แนะนำให้ทำประกันภัยสินค้านอกจากจะเคลมได้จริงแล้ว ยังจะช่วยทำให้ฐานในการคำนวณภาษีอาจจะลดลงได้ด้วย เนื่องจากสินค้าโดยส่วนใหญ่คิดค่าเบี้ยประกันภัย ไม่ถึง 1 % |
Authorไม่มีการค้าใด ปราศจากการขนส่ง Archives
February 2022
Categories |
บริการของเรา |
วี-เฟรนด์ |
|